สัปดาห์ที่ 4
The ASSURE Model
ในการใช้สื่อการสอนนั้นผู้สอนควรจะมีการวางแผนการใช้สื่ออย่างรัดกุม
และเป็นระบบ ทั้งนี้เพื่อนํามาเป็นแนวทางในการปฎิบัติ
ซึ่งจะทําให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจในการใช สื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สูงสุด ตามความสามารถของแตละบุคคล
และตรงตามวัตถุประสงคการเรียนรูที่วางไว
การวางแผนการใชสื่อการสอนโดยใชแนวคิดของวิธีระบบ
เป็นแนวทางหนึ่งที่ทําใหการวางแผนการใชสื่อการสอน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
" The ASSURE Model" เปนแบบจําลองที่ไดรับความนิยมในการนําไปใช้
เพื่อวางแผนการใชสื่อกสารสอนอย่างมี ประสิทธิภาพ (Heinich, และคณะ)การใช้รูปแบบการสอน แบบASSURE เป็นวิธีระบบรูปแบบหนึ่งที่นำมาจากแนวคิดของ(Heinich, และคณะ1993) โดยมีระบบการดำเนินงานตามลำดับขั้นดังนี้
แบบจําลอง The ASSURE Model มีรายละเอียดดังนี้
Analyze learners การวิเคราะหลักษณะผูเรียน
State objectives การกําหนดวัตถุประสงค
Select instructional
methods media and
materials
การเลือก ออกแบบสื่อใหม่
Utilize media and
materials การใชสื่อ
Require learner
participation การกําหนดการตอบสนองของผูเรียน
Evaluate and revise
การประเมินการใชสื่อ
ระบบการสอนของดิคค์ แอนด์และคาเรย์(Dick
and Carey Mode)
คิด แอนด์ แคเรย์ (Dick and
Carey) ได้พัฒนารูปแบบการสอนขึ้นอีกรูปแบบหนึ่ง
โดยอาศัยวิธีการระบบเช่นเดียวกันกับรูปแบบ ADDIE ซึ่งเป็นรูปแบบที่ง่าย
แต่ก็ได้รับการยอมรับว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ออกแบบและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ได้ดี
รูปแบบการสอนของคิดแอนด์ แคเรย์ เริ่มเผ่ยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี คศ.1990 หลังจากนั้น เมือ่ปี คศ.1996 ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่
โดยรายละเอียดมากชึ้น
รูปแบบการสอนของดิคค์
แอนด์ แคเรย์ (1990) ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้
1.การประเมินและการวิเคราะห์ (Assesment&Analysis) ประกอบด้วย 2 ส่วนดังนี้
1.1 การประเมินความต้องการ (Need Assessment)
1.2 การวิเคราะห์ส่วนหน้า (Front-endAnalysis)
2.การออกแบบ (Design)
3.การพัฒนา (Dvelopment)
4.การทดลองใช้ (lmplementation)
5.การประมเินผล (Evaluation)
2.การออกแบบ (Design)
3.การพัฒนา (Dvelopment)
4.การทดลองใช้ (lmplementation)
5.การประมเินผล (Evaluation)
รูปแบบระบบการออกแบบการสอนของดิคและคาเรย์
ดิค
และคาเรย์ (Dick; & Carey.) ได้เสนอรูปแบบระบบการออกแบบการ
สอน สรุปรวมได้ 3 องค์ประกอบ คือ
1. กำหนดจุดมุ่งหมายของการสอน
2. การพัฒนาการสอน
3. การประเมินการเรียนการสอน
จาก 3 องค์ประกอบ สามารถจัดแบ่งกิจกรรมการออกแบบระบบการสอนออกเป็น 10 ขั้นตอน คือ
1. กำหนดจุดมุ่งหมายการสอน (Identify
Instructional Goals) เป็นการกำหนดความมุ่งหมายการสอน
ซึ่งต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายทางการศึกษา
2. การวิเคราะห์การสอน (Conduct
Instructional Analysis) ขั้นตอนนี้อาจทำก่อนหรือหลังขั้นที่ 3 หรืออาจทำไปพร้อม ๆ กันก็ได้
3. ศึกษาพฤติกรรมเบื้องต้นและคุณลักษณะของผู้เรียน (Identify
Entry Behaviors) ว่าเป็นผู้เรียนระดับใด มีพื้นความรู้เพียงใด
4. เขียนจุดมุ่งหมายการเรียน (Write
Performance Objectives) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายเฉพาะหรือจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม
และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายการสอน เพื่อประโยชน์ คือ
4.1 ช่วยให้มองเห็นแนวทางการเรียนการสอน
4.2 เป็นแนวทางในการวางแผน
การจัดสภาพแวดล้อมการเรียน
4.3 ช่วยให้เห็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ
4.4 ช่วยผู้เรียนให้เรียนอย่างมีจุดมุ่งหมาย
5. สร้างแบบทดสอบอิงเกณฑ์ (Develop
Criterion Referenced Test Items)เพื่อประเมินการเรียนการสอน
6. พัฒนายุทธศาสตร์การสอน (Develop
Instructional Strategy) เป็นแผนการสอนหรือเหตุการณ์การสอน
ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามจุดมุ่งหมายการสอน
7.พัฒนาและเลือกวัสดุการเรียนการสอน(Develop
and Select Instructional Materials) เป็นการพัฒนาและเลือกสื่อการเรียนการสอนทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโสตทัศน์
8.ออกแบบและจัดการประเมินระหว่างเรียน(Design
and Conduct FormativeEvaluation)
9. ออกแบบและจัดการประเมินหลังเรียน (Design
and Conduct SummativeEvaluation)
10. แก้ไขปรับปรุงการสอน (Revise
Instruction) เป็นขั้นการแก้ไขและปรับปรุงการสอนตั้งแต่ขั้นที่ 2 ถึงขั้นที่ 8 องค์ประกอบของรูปแบบระบบการออกแบบการสอนของดิคและคาเรย์
ระบบการเรียนการสอนของเกอร์ลาชและอีลี
เกอร์ลาช และอีลี (Gerlach;
& Ely.) ได้นำเสนอองค์ประกอบของระบบการ เรียนการสอนออกเป็น 10 ประกอบ คือ
1. การกำหนดวัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ที่กำหนดขึ้นควรเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมหรือวัตถุประสงค์เฉพาะที่ผู้เรียน
2. การกำหนดเนื้อหา
เป็นการเลือกเนื้อหาเพื่อนำมาช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และบรรลุวัตถุประสงค์
3. การประเมินผลพฤติกรรมเบื้องต้น
เป็นขั้นตอนของการศึกษาข้อมูลของผู้เรียนว่ามีความรู้พื้นฐานเพียงพอที่จะเรียนเนื้อหาสาระที่กำหนดไว้ได้หรือไม่
4. การกำหนดกลยุทธ์การสอน
ยุทธศาสตร์การสอนที่เกอร์ลาช และอีลี เสนอไว้
มี 2 แบบ คือ
4.1 การสอนแบบป้อน
4.2 การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้
5. การจัดแบ่งกลุ่มผู้เรียน
เป็นการจัดกลุ่มเพื่อให้ได้เรียนรู้ร่วมกัน วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน
จะทำให้เราสามารถจัดกลุ่มผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม
6. การกำหนดเวลาเรียน
จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ เนื้อหา สถานที่ การบริการ และความสามารถ
ตลอดจนความสนใจของผู้เรียน
7. การจัดสถานที่เรียน
ห้องเรียนปกติโดยทั่วไปจะมีผู้เรียนประมาณ 30–40 คนซึ่งนับว่าเหมาะสมกับการสอนแบบบรรยาย
แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับการสอนที่ใช้ยุทธศาสตร์แบบอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ห้องเรียนควรจะมีหลายขนาด
8. การเลือกวัสดุการสอนที่เหมาะสม
ครูควรจะรู้จักเลือกสื่อและแหล่งวิทยาการที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอนกับยุทธศาสตร์การสอนที่ต่างกัน
9. การประเมินผลพฤติกรรม
เป็นการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อตรวจสอบดูว่าผู้เรียนได้รับความรู้
หรือมีความเปลี่ยนแปลงไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพียงใด
10. การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนกลับ
เป็นการพิจารณาเพื่อตรวจสอบหาข้อบกพร่องเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ระบบการเรียนการสอนของ
เคมพ์ (Jerrold Kemp Model)
เคมพ์
(Kemp. 1983) ระบบการสอนของเคมพ์จะแตกต่างไปจากระบบของคนอื่น
เนื่องจากได้เปลี่ยนไปจากแนวเส้นตรง (Linear) ซึ่งมีองค์ประกอบหลัก 10 ประการ การเริ่มต้นจะเริ่มที่จุดศูนย์กลาง
และต่อไปยังขั้นตอนใดก่อนก็ได้โดยไม่ต้องเรียงลำดับกันดังนี้
4.1 ความต้องการในการเรียนและจุดมุ่งหมายในการสอน
(Learning Needs Goal Priorities Constraints)
4.2 คุณลักษณะของผู้เรียน (Learner
Characteristics)
4.3 กำหนดงาน ผลผลิต
และจุดประสงค์ (Jobs Outcomes, Purpose)
4.4 การทดสอบก่อนเรียน (Pretesting)
4.5 เนื้อหาวิชา
และการวิเคราะห์งาน (Subject Task Analysis)
4.6 วัตถุประสงค์ของการเรียน
(Learning Objectives)
4.7 กิจกรรมการเรียนการสอน (Teaching
Activities)
4.8 ทรัพยากรในการสอน (Instructional
Resources)
4.9 บริการสนับสนุน (Support
Services)
4.10 การประเมินผลการเรียน (Learning
Evaluation)