ทฤษฎีการเรียนรู้ในโลกยุคดิจิตอล –
(Connectivism)
ผู้คิดค้น : George
Siemens Connectivism (อ้างจาก: Siemens
2004) หมายถึง การบูรณาการ หลักการสำรวจที่มีความซับซ้อน, เครือข่าย, และ ความสมบูรณ์ ปัจจุบันโลกยุคดิจิตอล
เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ทั้งการกิน การอยู่อาศัยการ ทำธุรกิจ
รวมตลอดถึงการเรียนรู้
ด้วยเหตุนี้ทฤษฎีการเรียนรู้จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนากระบวนการ
จัดการเรียนรู้ ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
อันจะส่งผลต่อการนำความรู้ไปพัฒนาสังคมต่อไปซึ่งทฤษฎีการเรียนรู้ ที่กำลังเป็นที่สนใจมากทฤษฎีหนึ่งนั่นคือ Connectivism เป็นทฤษฎีที่ออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด Learning Theory for
digital age. กล่าวคือเป็นการเรียนรู้สำหรับโลกดิจิตอล
และจากบทบาทที่สื่อดิจิตอล และอินเทอร์เน็ต
มีบทบาทต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน ดังนั้นในฐานะนักเทคโนโลยีการศึกษาไทยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพิจารณา
ศึกษาถึงทฤษฎีดังกล่าวซึ่งอาจนำมาซึ่งการพัฒนาการเรียนบนโลกดิจิตอลที่
สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนมากยิ่งขึ้นหลักการของ Connectivism
หลักการที่สำคัญของ Connectivism ผู้คิดค้น George Siemens
ได้กล่าวไว้มีดังต่อไปนี้
1. การเรียนรู้และ
ความรู้ คือ
สิ่งที่หลงเหลือจากการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในความหมายนี้ผู้เขียน
มีความเห็นว่าความรู้นั้นจะเกิดขึ้นมาได้ต้องอาศัยการแสดงความคิดเห็นของคน
ที่หลากหลาย คล้ายๆกับการที่เรา Post ข้อความลงบน Facebook ของ ตนเองจากนั้นก็มีผู้ใช้งานอื่นๆ
มาแสดงความเห็นต่อท้ายยิ่งแสดงความเห็นมาก
เท่าใดการเกิดขึ้นของความรู้ก็จะมากขึ้นและเข้มแข็งขึ้นเช่นเดียวกัน
2. การเรียนรู้
คือกระบวนการของการเชื่อมต่อระหว่าง โหนด (Node) อย่างจำเพาะเจาะจง
หรือแหล่ง ข้อมูลสำคัญ ในความหมายนี้ผู้เขียนมีความเห็นว่า
ผู้คิดค้นทฤษฎีกำลังอธิบายสิ่งที่เรียกว่า
การเรียนรู้โดยเกิดขึ้นจากการมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างโหนดที่กระจัด
กระจายอย่างสับสนวุ่นวาย เมื่อเรามองเห็นความสัมพันธ์ การเรียนรู้ก็จะเกิดขึ้นทันที
3. การเรียนรู้
อาจเกิดขึ้นในสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ได้ ตัวอย่างเทียบเคียง อาทิเช่น
ในหุ่นยนต์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์
4. ความสามารถในการรับข้อมูลเพิ่มเติม
มีความสำคัญกว่าข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันตรงนี้ผู้เขียนคิดว่าน่าจะหมายถึง
ทักษะของตัวผู้เรียนที่ต้องมีความสามารถในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
อาจเป็นทักษะการใช้งาน Google Search Engine ทักษะการค้นหาหนังสือเล่มที่ต้องการ
ทักษะการค้นหาสถานที่เพื่อการเรียนรู้ที่ต้องการทักษะการคัดเลือกงานสัมมนา
ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของตนเอง เป็นต้น
5. บำรุงรักษาและการเชื่อมต่อเป็นสิ่งจำเป็นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในที่นี้หมายถึง
การหมั่นบำรุงรักษาการเชื่อมต่อของโหนด อาทิ
การหมั่นมองความสัมพันธ์และการถกเถียงในประเด็นต่างๆ
ของโหนดจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มเกลียวเชือกแห่งการเรียนรู้ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
6. ความสามารถในการดูและสังเกตการณ์เชื่อมต่อของข้อมูล
ถือเป็นทักษะหลักการมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเกลียวเชือก เป็นทักษะสำคัญให้เกิดการเรียนรู้
7. ความสามารถในการรับทราบข้อมูลในปัจจุบันทันสมัย
เป็นสิ่งสำคัญ
8. การตัดสินใจด้วยตนเอง
เป็นกระบวนการเรียนรู้เลือกสิ่งที่จะเรียนรู้และความหมายของข้อมูลที่เข้ามาจะเห็นผ่านเลนส์ของจริงผลัดเปลี่ยน
ในขณะที่มีคำตอบตอนนี้อาจเป็นวันพรุ่งนี้ผิดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมในข้อมูลที่มีผลต่อการตัดสินใจ
ที่มา : https://sirikanya926.wordpress.com/2014/01/21/ทฤษฎีการเรียนรู้ในโลกย/
1.Concrete experience • เป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง โดยการมุ่งเน้นไปที่ความเกี่ยวข้องและการมีสัมพันธภาพที่ดีต่อสมาชิกในทีม
ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกและการรับรู้ในเรื่องนั้น ตัวอย่างเช่น การเรียนรู้จากการเห็นของจริง
การใช้สถานการณ์จำลอง และการสาธิตให้ดู เป็นต้น
2.Observations and reflections • เป็นการเรียนรู้ผ่านการสังเกตและการนำเสนอความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่างกันไป
เช่น การจัดอภิปราย การจัดกลุ่มย่อย เป็นต้น
3.Formation of abstract concepts and
generalization • เป็นการเรียนรู้ผ่านการกำหนดหลักการและแนวคิดที่ถูกบูรณาการขึ้นจากการสังเกต
อันนำไปสู่การกำหนดเป็นทฤษฎี บนพื้นฐานของหลักเหตุและผล เช่น
การแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และหาข้อสรุปหรือทฤษฎีใหม่ร่วมกัน
เป็นต้น
4. Testing implications of new
concepts in new situations • เป็นการเรียนรู้โดยการนำหลักทฤษฎีแนวคิด
หรือข้อสรุปที่ถูกกำหนดขึ้นไปทดลองใช้ปฏิบัติ ทำให้เกิดการทดลองทำจริงขึ้น เช่น
การเรียนรู้ในขณะทำงาน (On the job training) การฝึกงาน
และการทดลองปฏิบัติ เป็นต้น
ทฤษฎีนี้อธิบายการเรียนรู้ว่า
สมมุติในโลกใบนี้เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ มากมาย ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบของข้อความ
สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือแม้แต่อารมณ์ เราถือให้ข้อมูลเหล่านี้เป็นโหนด (node) ต่างๆ กระจัดกระจายทั่วไป โหนดเหล่านี้อาจมีการเชื่อมโยงกัน (connection) อยู่ซึ่งอาจจะมีการเชื่อมโยงที่ทั้งแข็งแรง หรือเบาบาง
และบางอย่างอาจสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นๆ ได้อีกมหาศาล
การเรียนรู้คือการที่เราเห็นการเชื่อมโยงเหล่านี้ว่าอะไรสัมพันธ์กับอะไร อย่างไร
รวมไปถึงการสังเกตเห็นถึงรูปแบบ (patterns) ของการเชื่อมโยงต่างๆ
จนทำให้เกิดความรู้ (knowledge)ทฤษฎีนี้มีสโลแกนเก๋ ๆ ที่ George Siemens และ Stephen
Downes ตั้งไว้ว่า
“a learning
theory for the digital age.”
การจัดการศึกษาประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ประกอบหลัก ได้แก่ จุดมุ่งหมายทางการศึกษา การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
และการประเมินผลการเรียน ซึ่งมีความสัมพันธ์ ดังภาพ
การใช้สื่อการสอนอย่างเป็นระบบ
โดยใชแบบจําลอง
The ASSURE Model
แบบจําลอง The
ASSURE Model มีรายละเอียดดังนี้
Analyze
learners การวิเคราะหลักษณะผูเรียน
State
objectives การกําหนดวัตถุประสงค
Select
instructional methods media and materials
การเลือกดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่
Utilize
media and materials การใชสื่อ
Require
learner participation การกําหนดการตอบสนองของผูเรียน
Evaluate and revise
การประเมินการใชสื่อ
1. Experience มีประสบการณ์การเรียนรู้แบบใหม่
ใช้เครื่องมือต่างๆ
2. Extended มีทักษะการค้นหาความรู้ได้ตลอดเวลาโดยเทคโนโลยี
3. Expanded การขยายผลสู่ความรู้นั้นสู่นักเรียน
ประชาชนทั่วไปและชุมชน
4. Exploration สามารถเลือกเนื้อหาที่ทันสมัยบันเทิงเพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำมาออกแบบการเรียนการสอน
5. Evaluation เป็นนักประเมินที่ดี
สามารถใช้เทคโนโลยีในการประเมินผล
6. End-User เป็นผู้ใช้ปลายทางที่ดี เช่น สามารถ Browers ไป website ที่มีคุณค่าบน
อินเตอร์เน็ตและเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีได้
7. Enabler สามารถใช้เทคโนโลยีสร้างบทเรียนและเนื้อหาการเรียนการสอนได้
8. Engagement ครูที่ร่วมมือกันแลกเปลี่ยนความเห็นหาแนวร่วมทางเทคโนโลยี
9. Efficient
and Effective ครูที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลคือใช้เทคโนโลยีได้
อย่างคล่องแคล่วเป็นผู้ผลิตผู้กระจายและใช้ความรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น