วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา

สัปดาร์ที่ 11


การประยุกต์การสอนกับขั้นตอนการสอนด้วยขั้นบันได

การจัดการเรียนรู้ในอนาคต




ในการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นการศึกษาเพื่อพัฒนาด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านการความรู้สึกนึกคิด โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี  การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องลงมือปฏิบัติและกระทำด้วยตนเอง
1.ทักษะพื้นฐาน ได้แก่ สื่อสารสองภาษา การดำเนินงาน การแก้ปัญหา การใช้ ICT และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
2.ทักษะการเรียนรู้และพัฒนาตน ได้แก่ เห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในตนเอง ตระหนักรู้ในตนและรู้จักตนเอง มีทัศนะเชิงบวกต่อการเรียนรู้ จัดการหรือควบคุมตนเองได้ และคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
3.ทักษะพลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคมโลก ได้แก่ มีส่วนร่วมกับกิจกรรมชุมชนหรือสังคม เคารพความหลากหลาย มีบทบาทหรือมีส่วนร่วมในการสร้างให้เกิดความเท่าเทียม ความยุติธรรมในสังคม
4.ทักษะการทำงาน ได้แก่ วางแผนงานหรือกิจกรรมได้ มีทักษะการจัดการตนเองและผู้อื่น ตรงเวลา มีวินัย ทำงานด้วยตนเองได้ จัดลำดับความสำคัญของงานและทำงานได้ตามเวลา สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ตั้งใจเตรียมการล่วงหน้าและยืดหยุ่น และมีจริยธรรมในการทำงาน

การพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อปรับตนเองในปัจจุบัน
ให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะตามมาในอนาคต
1.  มนุษย์มีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ผู้สอนจึงต้องใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย
2. ผู้เรียนควรเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ของตนเอง ไม่ใช่นำความรู้ไปใส่สมองผู้เรียน แล้วให้ผู้เรียนดำเนินรอยตามผู้สอน
3. โลกยุคใหม่ต้องการผู้เรียนซึ่งมีวินัย มีพฤติกรรมที่รู้จักยืดหยุ่น หรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
4. เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในโลกจะทวีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุกๆ 10 ปี โรงเรียนจึงต้องใช้วิธีสอนที่หลากหลาย โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ กัน
5. ให้ใช้กฎเหล็กของการศึกษาที่ว่าระบบที่เข้มงวดจะผลิตคนที่เข้มงวดและระบบที่ยืดหยุ่นก็จะผลิตคนที่รู้จักการยืดหยุ่น
6. สังคม หรือชุมชนที่มั่งคั่ง ร่ำรวยด้วยข้อมูลข่าวสาร ทำให้การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานที่
7. การเรียนรู้แบบเจาะลึก (deep learning) มีความจำเป็นมากกว่าการเรียนรู้แบบผิวเผิน
8.การสอนที่จัดว่ามีประสิทธิภาพ ต้องการครูที่มีคุณสมบัติมากกว่าการเป็นผู้ทำหน้าที่สอน
9. การศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน (schooling) กับ การศึกษา (education) อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
10. โลกอนาคตจะให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่บ้าน (Home – based education) มากขึ้น

การจัดการศึกษาในอนาคต




ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ สาระวิชาหลัก
 ภาษาแม่ และภาษาโลกศิลปะ,  วิทยาศาสตร์,  คณิตศาสตร์การปกครองและหน้าที่พลเมืองเศรษฐศาสตร์ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์   สาระวิชาหลักนี้จะต้องมี
Literacy >> ภาษา
Numeracy >> คำนวณ 
Reasonig abilities>> เหตุผล


สถานศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21



ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกฝนตนเองให้มีทักษะในการเป็น  ผู้สอนงาน (Coaching) และ  เป็นพี่เลี้ยง (Mentoring)  หรือ“คุณอำนวย” (facilitator) ในการเรียนรู้แบบ  PBL (Project-Based Learning) ของศิษย์ ครูต้อง เลิกเป็น ผู้สอน ผันตัวเองมาเป็นโค้ช หรือ พี่เลี้ยง ของการเรียนของศิษย์ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL 


การสอนงาน : Coaching





การฝึกสอน (Coaching) เป็นการบวนการฝึกสอนโดยเน้นการทำงานร่วมกันโดยผู้ฝึกสอนที่ทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอน (Teacher) จะต้องมีทักษะ(Skills) ในการสอนและให้เน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
เครื่องมือที่ใช้ในการ Coaching&Mentoring
-  เน้นความสำคัญไปที่เป้าหมาย มากกว่าปัญหา 
-  จงฟังให้มากกว่าพูด
 -  จงใช้การถามคำถาม มากกว่าการสั่งให้ไปทำ
-การบอก                                     - การให้ข้อมูลป้อนกลับ
-การสอน                                     - การถามคำถามปลายเปิด
-การแนะนำ                                  - การท้าทายให้ทำงาน
- การรับฟัง

กระบวนการการเรียนรู้ตามบันได 5 ขั้น
ศักยภาพทักษะผู้เรียนยุคใหม่




 1)เรียนรู้การตั้งคำถาม สงสัย ใคร่รู้ (Learning to Question :Q)
 ใช้เทคนิค 5 w 1 H
Who
ใคร (ในเรื่องนั้นมีใครบ้าง)
What ทำอะไร (แต่ละคนทำอะไรบ้าง)
Where ที่ไหน (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นอยู่ที่ไหน)
When เมื่อไหร่ (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเมื่อวัน เดือน ปี ใด)
Why ทำไม (เหตุใดจึงได้ทำสิ่งนั้น หรือเกิดเหตุการณ์นั้นๆ)
How อย่างไร (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเป็นอย่างไรบ้าง)
2) เรียนรู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า(Learning to Search : S)
- องค์กรที่จัดให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้โดยตรง เช่น ห้องสมุด , พิพิธภัณฑ์
หอจดหมายเหตุ
, และหอศิลป์
- แหล่งอื่นที่ไม่ได้บริการโดยตรง เช่น บุคคล สถานที่ เหตุการณ์
-แหล่งสืบค้น Online เช่น อินเตอร์เน็ต
3) เรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้  สรุป (Learning to Construct : C )
3.1 แหล่งกำเนิดขององค์ความรู้
- ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบุคคลอื่น
- ความรู้เกิดจากประสบการณ์การทำงาน
- ความรู้ที่ได้จากการวิจัยทดลอง
- ความรู้จากการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ
- ความรู้ที่มีปรากฏอยู่ในแหล่งความรู้ภายนอกโรงเรียนและนักเรียนได้นำมาใช้
4) เรียนรู้เพื่อการสื่อสารสื่อสาร สัมพันธ์ (Learning to Communicate : C)
1. การนำเสนอข้อมูลโดยรายงานวิจัย /บทความ ( Text Presentation)
2. การนำเสนอโดยตาราง ( Tabular Presentation )
3.การนำเสนอด้วยกราฟหรือแผนภูมิ ( Graphical Presentation )
4. การนำเสนอด้วยวาจา
5. การนำเสนอคลังความรู้ KM ในเว็บไซต์
5). เรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม  การให้บริการ (Serve : S)
ทำเป็นนิทรรศการ/โครงงาน ฯลฯ



ทำเป็นแผ่นพับประชาสัมพันธ์



นำเสนอผ่านสื่อ Online /Socialmedia




การประยุกต์
การให้เหตุผล: Reasoning (แบบอุปนัย)
ขั้นที่ 1 ตั้งคำถาม/คาดคะเนคำตอบ/ตั้งสมมติฐาน
ขั้นที่ 2 สืบค้น/แสวงหาสารสนเทศ วางแผน/สำรวจ
ขั้นที่  3 สังเกตตั้ง  คำถาม   เข้าถึงข้อมูล โดย อ่าน ฟัง ดู จดบันทึก (Literacy)
การให้เหตุผล: Reasoning แบบนิรนัย
ขั้นที่ 2 สืบค้น/แสวงหาสารสนเทศ
ขั้นที่ 3 สร้างองค์ความรู้   
*วิเคราะห์ข้อมูล   
*สื่อความหมายข้อมูล   
*สรุปผล
ขั้นที่ 4 วางแผน/สำรวจสืบค้น/กลั่นกรองข้อมูลการใช้ตัวเลข (Numeracy) ในการวัด/วิเคราะห์
ขั้นที่ 5 นำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ บริการ/ตอบแทนสังคม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น